ต้องเก่งแกรมมาร์เท่านั้นถึงจะสอบ IELTS ผ่าน? ความจริงหรือแค่เรื่องหลอกลวง!

 

ต้องเก่งแกรมมาร์เท่านั้นถึงจะสอบ IELTS ผ่าน?

ความจริงหรือแค่เรื่องหลอกลวง!

“แกรมมาร์ไม่แม่นเลย แบบนี้จะสอบ IELTS ผ่านมั้ย?”
“ยังใช้ Past Perfect ผิดอยู่เลย จะไปถึง Band 7 ได้ยังไง?”

ถ้าคุณเคยตั้งคำถามเหล่านี้กับตัวเอง… คุณไม่ได้คิดไปเอง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่มีทางผ่าน

ในบทความนี้ เราจะมาแยกแยะว่า แกรมมาร์มีผลกับคะแนน IELTS อย่างไรบ้าง
และต้องแม่นแค่ไหนถึงจะสอบผ่านได้จริง พร้อมแนะวิธีฝึกที่ได้ผลโดยไม่ต้องท่องไวยากรณ์จนปวดหัว


แกรมมาร์ใน IELTS สำคัญจริง แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง

ในพาร์ท Writing และ Speaking แน่นอนว่าหนึ่งในเกณฑ์ให้คะแนนหลักคือ Grammatical Range and Accuracy
แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคุณต้องเขียนหรือพูดโดยไม่มีข้อผิดพลาดเลย

ในความเป็นจริง กรรมการพิจารณา “ความหลากหลายของโครงสร้าง” และ “ความถูกต้องในระดับที่เข้าใจได้” มากกว่าความเพอร์เฟกต์

ตัวอย่างจาก Band Descriptor (Speaking):

  • Band 6: สามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานได้ค่อนข้างแม่นยำ แม้มีข้อผิดพลาดที่ไม่กระทบความเข้าใจ

  • Band 7: ใช้โครงสร้างซับซ้อนได้บ้าง มีข้อผิดพลาดน้อย และไม่รบกวนความชัดเจนในการสื่อสาร

  • Band 8: ใช้โครงสร้างได้หลากหลาย ถูกต้องเกือบทั้งหมด และลื่นไหลเป็นธรรมชาติ

แปลว่า:
คุณไม่จำเป็นต้องแม่นแกรมมาร์ 100%
แต่ต้องใช้มัน “อย่างชาญฉลาด” และ “เหมาะสมกับสถานการณ์”


เป้าหมายจริงของ IELTS: วัด “การสื่อสาร” ไม่ใช่ “การจำกฎ”

IELTS เป็นการสอบภาษาอังกฤษแบบ การสื่อสาร (Communicative test)
ไม่ใช่สอบ Grammar แบบข้อสอบปรนัยเหมือนที่เรียนกันในโรงเรียน

สิ่งที่สำคัญกว่าแกรมมาร์คือ...

  • ✅ การเชื่อมโยงไอเดียให้เป็นระบบ

  • ✅ การใช้คำศัพท์เหมาะสมกับบริบท

  • ✅ ความลื่นไหลในการพูดและเขียน

  • ✅ การเข้าใจคำถามและตอบตรงประเด็น

บางคนแกรมมาร์แม่นมาก แต่ตอบไม่ตรงคำถาม เขียนไม่มีโครงสร้าง หรือพูดขาดความมั่นใจ — ก็ยังได้คะแนนไม่ถึง Band 7


แล้วต้องเก่งแกรมมาร์ระดับไหนถึงจะ “พอ”?

นี่คือลิสต์คร่าวๆ ของระดับแกรมมาร์ที่ควรมีสำหรับแต่ละ Band:

✅ Band 6.0

  • ใช้ Present Simple, Past Simple ได้ถูกต้อง

  • เริ่มใช้ Passive Voice และ Question forms

  • มีข้อผิดพลาดเรื่อง agreement (เช่น he go / she don’t) ได้บ้าง

✅ Band 7.0

  • ใช้โครงสร้างที่หลากหลายมากขึ้น เช่น relative clauses, conditional sentences

  • มีการใช้ tense ต่างๆ อย่างเหมาะสม

  • ข้อผิดพลาดน้อยลง และไม่รบกวนความเข้าใจ

✅ Band 8.0+

  • ใช้โครงสร้างซับซ้อนและหลากหลายได้มั่นใจ

  • มีการใช้ inversion, complex clauses, และ tense ที่ยืดหยุ่น

  • ข้อผิดพลาดแทบไม่มี หรือเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย


วิธีฝึกแกรมมาร์ให้ “ได้ผล” โดยไม่ต้องจำเยอะ

หากคุณไม่ใช่คนที่หลงรักไวยากรณ์
นี่คือเทคนิคที่ช่วยให้คุณพัฒนาได้ โดยไม่ต้องท่องตำรา:

1. เรียนแกรมมาร์ผ่านบริบท (Contextual Learning)

แทนที่จะนั่งจำกฎ ลองเรียนรู้จากการอ่านหรือฟังประโยคจริง เช่นในบทความ ข่าว หรือ TED Talks
สังเกตว่าคนเขาใช้ tense ยังไง ใช้ linking words อะไรบ้าง

2. ฝึกเขียนสั้นๆ แล้วให้มีคนช่วยดู

อย่ารอให้เขียน essay 250 คำแล้วค่อยหาคนตรวจ
เขียนสั้นๆ วันละย่อหน้า แล้วส่งให้โค้ชหรือเพื่อนช่วยดู
จะเห็นพัฒนาการชัดเจนกว่า

3. พูดออกเสียงพร้อมแบบฝึก (Shadowing)

การฝึกพูดพร้อมกับ native speaker จากคลิป YouTube หรือ podcast จะช่วยให้คุณซึมซับโครงสร้างแกรมมาร์แบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องคิดมาก

4. วิเคราะห์ข้อผิดพลาดของตัวเอง

ทุกครั้งที่เขียนหรือพูดผิด อย่าแค่ “จำไว้ว่าอย่าผิดอีก”
แต่ให้จด และฝึกเขียนประโยคใหม่ในโครงสร้างที่ถูกต้องแทน


แล้วจะรู้ได้ไงว่า "เราอยู่ตรงไหน"?

การประเมินตนเองอาจทำได้ยาก ถ้าไม่มีใครคอยสะท้อนจุดอ่อนที่แท้จริง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้เรียนจำนวนมากเลือกเข้าร่วมโปรแกรมอย่าง IELTS@HOME
ที่มีระบบให้ feedback รายบุคคล และแผนการเรียนที่ชัดเจน ซึ่งช่วยให้ไม่หลงทาง

อีกทั้งเป็นคอร์สเดียวที่สามารถรับรองผลคะแนน 7.0 หรือคืนค่าเรียน 100%


แกรมมาร์ไม่ใช่ด่านสุดท้ายของ IELTS — แต่คุณต้องใช้มันอย่างชาญฉลาด

หากคุณกำลังเตรียมสอบ IELTS อย่าหลงกลความเชื่อที่ว่า
“ต้องแกรมมาร์เป๊ะก่อน ถึงค่อยลงสนามสอบ”

สิ่งที่คุณควรโฟกัสคือ:

  • ความเข้าใจในข้อสอบ

  • การสื่อสารไอเดียได้ชัดเจน

  • การฝึกอย่างสม่ำเสมอ

  • การใช้แกรมมาร์ให้ “เหมาะสมกับระดับ” ที่ต้องการ ไม่ใช่ไร้ที่ติ

จำไว้ว่าคนที่สอบผ่านรอบเดียว ไม่ใช่คนที่ “เก่งทุกด้าน”
แต่คือคนที่ “รู้ว่าอะไรสำคัญ และจัดลำดับการฝึกให้ถูกทาง”

 

Close

50% Complete

Two Step

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua.