IELTS CBT กับ Paper ต่างกันยังไง? รู้ทุกข้อแตกต่างก่อนเลือกสอบให้เหมาะกับตัวเอง

IELTS CBT กับ Paper ต่างกันยังไง? รู้ทุกข้อแตกต่างก่อนเลือกสอบให้เหมาะกับตัวเอง

หลายคนที่กำลังวางแผนสอบ IELTS ไม่ว่าจะเพื่อเรียนต่อ ทำงาน หรือย้ายถิ่นฐาน คงได้ยินคำว่า “IELTS CBT” หรือ Computer-Based Test มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่แน่ใจว่า IELTS CBT กับ Paper-Based ต่างกันยังไง? แล้วแบบไหนดีกว่ากัน?

วันนี้เราจะพามาไขข้อสงสัยแบบละเอียด ให้เห็นภาพชัด ๆ ทั้งข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมของแต่ละแบบ

IELTS CBT คืออะไร?

IELTS CBT (Computer-Based Test) คือ การสอบ IELTS ที่ทำข้อสอบทุกอย่างบนคอมพิวเตอร์ ยกเว้นพาร์ท Speaking ที่ยังต้องสอบกับกรรมการเหมือนเดิม

ข้อสอบยังเหมือน Paper-Based ทุกประการ ทั้งเนื้อหา รูปแบบคำถาม มาตรฐานการตรวจข้อสอบ และคะแนนเต็ม 9 Band

IELTS Paper-Based คืออะไร?

IELTS Paper-Based คือ การสอบบนกระดาษแบบดั้งเดิม โดยจะต้อง เขียนด้วยลายมือ ทั้งหมดในพาร์ท Reading, Listening และ Writing ส่วน Speaking จะสอบกับกรรมการเหมือนกัน

IELTS CBT กับ Paper ต่างกันยังไง?

มาดูข้อแตกต่างที่ชัดที่สุดกันค่ะ

1. วิธีการทำข้อสอบ

• CBT: พิมพ์คำตอบในคอมพิวเตอร์

• Paper: เขียนด้วยลายมือบนกระดาษ

หลายคนที่พิมพ์เร็วอาจรู้สึกว่า CBT ง่ายกว่า เพราะพิมพ์เร็วกว่าการเขียน แต่คนที่พิมพ์ไม่คล่องอาจเสียเวลาและพิมพ์ผิดได้บ่อย

2. ความเร็วในการประกาศผลสอบ

• CBT: ได้ผลสอบใน 3-5 วันทำการ

• Paper: ต้องรอ ประมาณ 13 วัน

ใครที่ต้องใช้ผลสอบด่วน เช่น เพื่อยื่นวีซ่า หรือสมัครมหาวิทยาลัยทันรอบ ควรเลือกสอบ CBT ค่ะ

3. ความถี่ของวันสอบ

• CBT: มีรอบสอบแทบทุกวัน หรือหลายวันต่อสัปดาห์

• Paper: รอบสอบจำกัด เดือนละไม่กี่วัน

ใครที่มีตารางงานแน่น หรือจำเป็นต้องสอบตามเวลาที่เร่งด่วน CBT คือทางเลือกที่ยืดหยุ่นกว่าค่ะ

4. การฟัง Listening

• CBT: ฟังผ่าน หูฟังส่วนตัว เสียงคมชัดมาก

• Paper: ฟังจาก ลำโพงกลาง ในห้องสอบ ซึ่งอาจได้ยินเสียงไม่ชัดเท่า

หลายคนชอบ CBT ตรงนี้ เพราะเสียงชัด ทำให้จับ Keyword ได้แม่นขึ้นค่ะ

5. การอ่าน Reading

• CBT: หน้าจอแบ่งให้เห็นทั้ง Passage และคำถามในจอเดียวกัน สามารถใช้ฟังก์ชัน Highlight ข้อความได้

• Paper: ต้องไล่อ่านบนกระดาษ แล้วเลื่อนสายตาสลับระหว่าง Passage กับกระดาษคำตอบ

คนที่ถนัดอ่านบนจอจะรู้สึกว่า CBT สะดวกกว่า แต่บางคนอ่านบนกระดาษแล้วสบายตากว่า

6. ความกดดันเรื่องเวลา

• CBT: มีนาฬิกาดิจิทัลจับเวลาโชว์บนหน้าจอตลอดเวลา

• Paper: ต้องคอยมองนาฬิกาในห้องสอบเอง

บางคนรู้สึกกดดันมากขึ้นเมื่อเห็นเวลานับถอยหลังชัด ๆ บนหน้าจอ CBT

IELTS CBT เหมาะกับใคร?

✅ คนที่พิมพ์เร็วและพิมพ์คล่อง
✅ คนที่ต้องการผลสอบเร็ว
✅ คนที่ชอบทำงานกับคอมพิวเตอร์
✅ คนที่อยากได้เสียง Listening ชัด ๆ
✅ คนที่ต้องสอบเร่งด่วนเพราะรอบสอบ CBT มีมากกว่า

IELTS Paper เหมาะกับใคร?

✅ คนที่เขียนมือถนัดมากกว่าพิมพ์
✅ คนที่รู้สึกสบายตากับการอ่านบนกระดาษ
✅ คนที่ไม่รีบรอผลสอบ
✅ คนที่ไม่คุ้นกับคอมพิวเตอร์

ความท้าทายของ IELTS CBT

แม้ CBT จะดูทันสมัยและสะดวกกว่า แต่ก็มี ความท้าทาย ที่หลายคนมักประสบ เช่น:

• ต้องพิมพ์เร็วและถูกต้อง โดยเฉพาะใน Writing

• ต้องคุ้นกับหน้าตาระบบสอบ เช่น ปุ่ม Next, Previous, Highlighter

• อ่านบนจอนานอาจล้าตา

• ความกดดันจากนาฬิกาดิจิทัลบนจอ

หากไม่ได้ฝึกบนระบบจริงก่อนสอบ หลายคนอาจตกม้าตายได้ง่าย ๆ ค่ะ

ทำไมต้องเตรียมสอบ IELTS CBT กับ IELTS@HOME?

ถ้าคุณกำลังวางแผนจะสอบ IELTS CBT การเตรียมตัวที่ ใกล้เคียงกับสนามสอบจริงที่สุด คือหัวใจสำคัญ และที่ IELTS@HOME เรามีทุกอย่างที่คุณต้องการค่ะ

⭐ จำลองสนามสอบ CBT เหมือนจริง 100%

• หน้าจอสอบเหมือนของจริงทั้งดีไซน์ ปุ่ม และระบบจับเวลา

⭐ ฝึกพิมพ์ Writing พร้อม Feedback

• ช่วยเช็คความเร็วพิมพ์ คำผิด Grammar และปรับสไตล์การเขียน

⭐ เทคนิคการอ่านบนหน้าจอ

• ฝึกวิธี Scan, Skim, และจับ Keyword บนจอโดยไม่ล้าตา

⭐ ฝึกฟังแบบใส่หูฟังจริง

• เสียงคมชัดเหมือนวันสอบจริง

⭐ แผนเรียนปรับเฉพาะบุคคล

• ครูวิเคราะห์จุดอ่อนและปรับการเรียนให้เหมาะกับแต่ละคน

⭐ รับประกัน Band 7.0 หรือคืนเงิน หากเรียนครบตามเงื่อนไข

สรุป

IELTS CBT กับ Paper ต่างกันตรงวิธีสอบและประสบการณ์สอบ ไม่ได้ต่างกันที่เนื้อหา หากคุณพิมพ์คล่อง อยากได้ผลเร็ว และชอบความทันสมัย CBT คือทางเลือกที่ใช่ แต่ต้องฝึกให้คุ้นกับระบบจริงค่ะ

ถ้าอยากสอบ CBT แล้วมั่นใจเต็มร้อย IELTS@HOME คือทางออกที่ดีที่สุด เพราะเราพร้อมปั้นคุณให้พร้อมทั้งเนื้อหาและเทคนิคจนถึงวันสอบจริง

👉 ดูรายละเอียด : https://www.fmcpenglishonline.com/ieltsonlinecourse