IELTS กับ TOEFL ต่างกันยังไง? เลือกสอบอะไรให้เหมาะกับเป้าหมายการย้ายประเทศของคุณ

IELTS กับ TOEFL ต่างกันยังไง?

เลือกสอบอะไรให้เหมาะกับเป้าหมายการย้ายประเทศของคุณ

ในยุคที่การเรียนต่อและย้ายประเทศกลายเป็นเป้าหมายของคนรุ่นใหม่มากขึ้น
หนึ่งในก้าวสำคัญที่ทุกคนต้องเผชิญคือ “การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ”

และสองตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ IELTS และ TOEFL

แต่... ต่างกันยังไง? อันไหนง่ายกว่า? แล้วเป้าหมายของคุณควรเลือกสอบแบบไหน?

บทความนี้จะพาคุณไปดูความแตกต่างแบบชัดๆ ระหว่าง IELTS กับ TOEFL พร้อมแนะนำแนวทางการเลือกสอบให้เหมาะกับเป้าหมายของคุณที่สุด


รู้จักการสอบ IELTS และ TOEFL เบื้องต้น

IELTS (International English Language Testing System)

เป็นการสอบภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะใน สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, แคนาดา, และ นิวซีแลนด์

แบ่งออกเป็น 2 แบบ:

  • Academic: สำหรับเรียนต่อ

  • General Training: สำหรับทำงานหรือย้ายถิ่นฐาน

คะแนนเต็ม: 9.0
สอบได้ทั้งแบบ on paper และ computer-based


TOEFL (Test of English as a Foreign Language)

เป็นการสอบที่นิยมใช้ในการ สมัครเรียนในสหรัฐอเมริกา หรือมหาวิทยาลัยที่ใช้ระบบอเมริกัน
ส่วนใหญ่มักจะเป็นการสอบแบบ ออนไลน์ (TOEFL iBT)

คะแนนเต็ม: 120
สอบแบบ computer-based เป็นหลัก


เปรียบเทียบแต่ละพาร์ท: IELTS vs TOEFL

ทักษะ IELTS TOEFL
Listening ฟังคลิปเสียงสั้น + สนทนา ฟัง Lecture/Discussion แบบมหาวิทยาลัย
Reading บทความหลากหลายแนว (ข่าว, วิชาการ, บทสนทนา) บทความแนววิชาการยาวและซับซ้อนกว่า
Writing เขียนอธิบายกราฟ (Task 1) + Essay (Task 2) เขียนบทสรุปจากการอ่าน + Essay
Speaking พูดสดกับคนจริง พูดผ่านคอมพิวเตอร์ (ตอบเข้าไมค์)

สรุป:

  • ถ้าคุณ ถนัดพูดกับคนจริง → IELTS ได้เปรียบ

  • ถ้าคุณ ชินกับการสอบบนคอมพิวเตอร์ → TOEFL อาจเหมาะ

  • ถ้าคุณ ต้องการสมัครเรียนใน UK, Canada, Australia → IELTS คือคำตอบ

  • ถ้าคุณ สมัครเรียนในอเมริกา → TOEFL ได้รับการยอมรับมากกว่า (แต่ปัจจุบัน IELTS ก็ใช้ได้หลายแห่งแล้ว)


ความยากง่าย: แล้วอันไหนง่ายกว่ากัน?

คำถามยอดฮิตที่ทุกคนอยากรู้คือ “สอบอันไหนง่ายกว่า?”
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับสไตล์การเรียนและความถนัดของแต่ละคน

IELTS อาจง่ายกว่าสำหรับคนที่...

  • ชอบการพูดกับคนจริงมากกว่าพูดกับไมค์

  • ถนัดอ่านหรือเขียนแนว Academic ที่ไม่ซับซ้อนเกินไป

  • ต้องการใช้คะแนนยื่นหลายประเทศ

  • ต้องการมีทางเลือกมากขึ้น เช่น สอบแบบกระดาษ, คอมพิวเตอร์ หรือที่บ้าน

TOEFL อาจเหมาะกว่าสำหรับคนที่...

  • ถนัดการทำข้อสอบออนไลน์

  • ชินกับการฟัง lecture ยาวๆ และจับประเด็นได้เร็ว

  • เน้นเรียนต่อสายวิชาการในอเมริกาโดยเฉพาะ


ค่าธรรมเนียมและสถานที่สอบ

  • IELTS: ค่าสอบประมาณ 6,900 - 7,200 บาท (ขึ้นอยู่กับศูนย์สอบ)
    มีศูนย์สอบเกือบทุกจังหวัด และสามารถเลือกสอบแบบออนไลน์จากที่บ้านได้ในบางกรณี

  • TOEFL: ค่าสอบประมาณ 6,800 - 7,500 บาท
    ศูนย์สอบมีเฉพาะในบางจังหวัด และต้องสอบผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น


เป้าหมายของคุณ = ตัวกำหนดการสอบที่ใช่

ลองถามตัวเองว่า...

  • คุณจะไปประเทศไหน?

  • มหาวิทยาลัยหรือองค์กรที่คุณสมัคร รับคะแนนอะไรบ้าง?

  • คุณถนัดสอบแบบไหน – บนคอมพิวเตอร์หรือแบบเจอหน้าคนจริง?

  • คุณต้องการผลสอบเร็วไหม?

หากคุณกำลังวางแผนไปเรียนต่อที่ UK, Australia, Canada, New Zealand หรือขอย้ายถิ่นฐาน – IELTS คือการสอบที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุด
และตอนนี้หลายมหาวิทยาลัยในอเมริกาเองก็ยอมรับ IELTS เช่นกัน


แล้วจะเริ่มเตรียมตัวยังไงดี?

ถ้าคุณเลือก IELTS แล้วกำลังคิดว่าจะเริ่มจากตรงไหน คำแนะนำคือ:

  • ประเมินระดับภาษาและ Band ปัจจุบัน

  • เข้าใจรูปแบบข้อสอบทั้ง 4 ทักษะ

  • ฝึกอย่างมีแผน และได้รับ feedback อย่างต่อเนื่อง

  • มีเวลาเตรียมล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือน

สำหรับคนที่มีเป้าหมายชัด แต่ไม่อยากเสียเวลาลองผิดลองถูก
IELTS@HOME คือโปรแกรมเตรียมสอบออนไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อคนที่อยากผ่านให้ได้รอบหน้า
เรียนได้จากที่บ้าน มีแผนรายบุคคล + โค้ชดูแลทุกสัปดาห์ พร้อมเนื้อหาครอบคลุมครบ 4 ทักษะ


เลือกสอบให้เหมาะกับเป้าหมาย ไม่ใช่ตามกระแส

ไม่ว่าจะเป็น IELTS หรือ TOEFL
สิ่งสำคัญคือ ต้องเลือกให้ตรงกับเส้นทางที่คุณจะเดิน
ไม่จำเป็นต้องสอบตามเพื่อน แต่ให้สอบตามเป้าหมายชีวิตของคุณเอง

และถ้าคุณเลือก IELTS แล้วอยากเริ่มเตรียมตัวแบบไม่หลงทาง
ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์ส IELTS@HOME ได้เลยที่นี่ 👉 https://www.fmcpenglishonline.com/ieltsonlinecourse

Close

50% Complete

Two Step

Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua.