TOP 5 ประเทศยอดฮิตของคนไทยที่อยากเรียนต่อ พร้อมข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้

TOP 5 ประเทศยอดฮิตของคนไทยที่อยากเรียนต่อ

พร้อมข้อดี-ข้อเสียที่ควรรู้ ก่อนตัดสินใจ

การเรียนต่อต่างประเทศคือหนึ่งในความฝันของใครหลายคน
เพราะไม่ใช่แค่ได้วุฒิการศึกษาระดับสากล แต่ยังเปิดประตูสู่โอกาสในชีวิตมากมาย ทั้งการทำงาน การย้ายถิ่นฐาน และการเรียนรู้โลกใหม่

แต่คำถามสำคัญคือ... จะไปเรียนที่ประเทศไหนดี?
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจ 5 ประเทศยอดฮิตของคนไทยที่นิยมไปเรียนต่อมากที่สุด
พร้อม ข้อดี–ข้อเสีย ที่คุณควรรู้ก่อนวางแผน พร้อมคำแนะนำเรื่องการเตรียมสอบ IELTS ซึ่งเป็นด่านแรกของทุกเส้นทาง

1. 🇦🇺 ออสเตรเลีย (Australia)

✅ ข้อดี:

• มหาวิทยาลัยติดอันดับโลกหลายแห่ง เช่น University of Melbourne, ANU, UNSW

• มีระบบ “Post Study Work Visa” ให้ทำงานหลังเรียนจบ 2-4 ปี

• สภาพแวดล้อมใกล้ไทย เดินทางสะดวก มีชุมชนคนไทยจำนวนมาก

• ค่าแรงขั้นต่ำสูง เหมาะกับนักเรียนที่อยากทำงานพาร์ทไทม์

❌ ข้อเสีย:

• ค่าครองชีพในเมืองใหญ่อย่าง Sydney, Melbourne ค่อนข้างสูง

• มักต้องใช้คะแนน IELTS Academic 6.5-7.0 ขึ้นไป

2. 🇬🇧 สหราชอาณาจักร (United Kingdom)

✅ ข้อดี:

• มีมหาวิทยาลัยเก่าแก่และคุณภาพสูง เช่น Oxford, Cambridge, LSE

• หลักสูตรปริญญาโทใช้เวลาเรียนเพียง 1 ปี ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

• มีระบบ “Graduate Route Visa” ให้อยู่ทำงานหลังเรียนจบอีก 2 ปี

❌ ข้อเสีย:

• ค่าเรียนและค่าครองชีพค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในลอนดอน

• สภาพอากาศเย็น ฝนตกบ่อย อาจไม่เหมาะกับทุกคน

• ต้องใช้คะแนน IELTS ตามเกณฑ์ของแต่ละมหาวิทยาลัย บางแห่งต้องการสูงถึง 7.0+

3. 🇨🇦 แคนาดา (Canada)

✅ ข้อดี:

• มีระบบสนับสนุนนักเรียนต่างชาติอย่างดี เช่น PGWP (Post-Graduation Work Permit)

• โอกาสได้ PR (Permanent Residency) สูงกว่าหลายประเทศ

• เป็นประเทศที่เน้น multicultural คนต่างชาติเข้ากับสังคมได้ง่าย

• มีคุณภาพชีวิตสูงและความปลอดภัยดีเยี่ยม

❌ ข้อเสีย:

• อากาศหนาวจัดในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะฤดูหนาว

• การสมัครเข้าเรียนอาจมีขั้นตอนซับซ้อนกว่าเล็กน้อย

• ต้องมีคะแนน IELTS ที่มั่นคง เช่น 6.5-7.0+ โดยเฉพาะสำหรับหลักสูตรที่ต้องใช้ภาษาเข้มข้น

4. 🇺🇸 สหรัฐอเมริกา (USA)

✅ ข้อดี:

• มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกมากมาย เช่น Harvard, MIT, Stanford

• มีทุนการศึกษาหลากหลายสำหรับนักเรียนต่างชาติ

• โอกาสสร้างเครือข่ายและประสบการณ์ในสาขาอาชีพต่างๆ

• มีเมืองและวัฒนธรรมที่หลากหลายมาก เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์

❌ ข้อเสีย:

• ค่าครองชีพและค่าเรียนมักสูง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่

• ขั้นตอนขอวีซ่าอาจมีความเข้มงวด

• บางมหาวิทยาลัยใช้ TOEFL เป็นหลัก แต่ปัจจุบัน IELTS ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้น

5. 🇳🇿 นิวซีแลนด์ (New Zealand)

✅ ข้อดี:

• คุณภาพการศึกษาดี ระบบการเรียนการสอนคล้ายออสเตรเลีย

• สภาพแวดล้อมสงบ ธรรมชาติสวยงาม เหมาะกับคนที่ต้องการเรียนอย่างมีสมาธิ

• เปิดโอกาสให้ทำงานหลังเรียนจบ

• เป็นมิตรกับนักเรียนต่างชาติ มีนโยบายสนับสนุน

❌ ข้อเสีย:

• มหาวิทยาลัยไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าประเทศอื่นในระดับโลก

• อาจมีตัวเลือกคอร์สน้อยในบางสาขา

• ต้องสอบ IELTS และมีคะแนนตามเกณฑ์ของสถาบัน โดยเฉพาะในระดับปริญญาโท

แล้วเราควรเตรียมตัวยังไงให้พร้อม?

ไม่ว่าคุณจะเลือกเรียนต่อที่ประเทศไหน IELTS คือหนึ่งในด่านสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะแทบทุกประเทศที่กล่าวมาใช้ IELTS เป็นเกณฑ์ในการรับนักเรียนต่างชาติ
และคะแนนขั้นต่ำมักเริ่มต้นที่ 6.5 - 7.0 สำหรับหลักสูตรระดับสูง

ถ้าไม่มั่นใจว่าจะเริ่มตรงไหน...

ลองเริ่มจาก “ระบบที่เข้าใจคุณ”

สำหรับคนที่รู้ว่า “ต้องสอบ IELTS แน่นอน” แต่ยังไม่รู้จะเริ่มยังไง
IELTS@HOME คือคอร์สออนไลน์ที่ออกแบบมาสำหรับคนที่มีเป้าหมายชัดเจนแต่ไม่อยากเสียเวลาไปกับการเดา

• วางแผนให้ตามระดับภาษาและเป้าหมายของแต่ละคน

• เรียนจากที่ไหนก็ได้ ตามเวลาที่สะดวก

• ได้รับ feedback จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพัฒนาได้ตรงจุด

• ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ไม่ต้องเดาสิ่งที่ควรทำ

ประเทศไหนก็น่าไป ถ้าเรา “เตรียมตัว” ให้พร้อม

การเรียนต่อต่างประเทศไม่ใช่เรื่องของคนเก่งเท่านั้น
แต่เป็นเรื่องของ “คนที่กล้าตัดสินใจและเตรียมตัวล่วงหน้า”

ไม่ว่าคุณจะเลือกไปอังกฤษ แคนาดา อเมริกา หรือประเทศไหนก็ตาม
การเตรียมภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะการสอบ IELTS คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด

เริ่มต้นวันนี้ ดีกว่ารอจนใกล้สมัครแล้วค่อยเร่ง
เพราะการวางแผนดี = โอกาสมากกว่า

และถ้าคุณพร้อมเดินก้าวแรก ลองดูรายละเอียดของ IELTS@HOME ได้เลย 👉 https://www.fmcpenglishonline.com/ieltsonlinecourse